วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การเดาความหมายคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากบริบท

Guessing meaning from context clue

การเดาความหมายคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากบริบท

การที่จะรู้ความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์ที่เรารู้แล้วแต่อาจมีความหมายต่างกัน ออกไปนั้น หรือความหมายของคำศัพท์ที่เราไม่รู้นั้นมีเทคนิคที่ใช้อยู่ 2 วิธีคือ
การเดาคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากบริบท (Guessing meaning from context clue)
การเดาความหมายคำศัพท์โดยอาศัยการวิเคราะห์คำ (Guessing meaning from word analysis)
วิธีการเดาศัพท์ 2 วิธีนี้มีประโยชน์และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำมาใช้ในการอ่านเนื้อหาในบทความมากโดยเฉพาะในการทำข้อสอบ
เราไม่สามารถใช้พจนานุกรมได้ จึงต้องใช้เทคนิคการเดาศัพท์เข้าช่วย ต้องพยายามฝึกฝนจนเกิดเป็นนิสัย
จะทำให้กล้าตัดสินใจในการอ่านเนื้อหาในบทความมากขึ้น
บริบท(Context) คือข้อความที่แวดล้อมด้วยคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่ทราบความหมายและนำมาเป็นเครื่องช่วย
หรือบ่งชี้ให้เข้าใจความหมายของคำศัพท์ยากเหล่านั้นโดยไม่ต้องอาศัยพจนานุกรม
คำชี้แนะในบริบท (Context Clue)ก็คือคำที่อยู่ในบริบทซึ่งเป็นตัวชี้แนะความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่ทราบ
มาก่อนจากบริบทนั้นเราจึงอาศัยคำชี้แนะในบริบทที่จะช่วยชี้แนะความหมายได้ถูกต้องถึงแม้ว่าการเดาความหมายจะไม่ตรง
กับความหมายที่แท้จริงแต่ก็มีความหมายที่ใกล้เคียง ดังนั้นเราจึงควรพยายามเดาความหมายของคำจากบริบทให้ติดเป็นนิสัย
จะได้อ่านได้รวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งพจนานุกรม ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้จะเป็นการเดาคำศัพท์โดยใช้ข้อความในบริบท

We had a whoosis, but the handle broke, so we had to beat the eggs with a fork.What does " whoosis " mean?

a. a tropical fish
b. an egg beater
c. a leather suitcase

คำชี้แนะว่า whoosis หมายถึงอะไร คือข้อความที่ว่า so we had to beat the eggs with a fork ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า whoosis หมายถึง an egg beater

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

Introducing

Introducing yourself

At an informal party

"Hello, I'm Maria." Or "Hello, my name's Maria."
The reply could be:
"Hi, I'm Sarah." Or "Hello Maria, I'm Sarah." Or "Nice to meet you, I'm Sarah."
At work-related events
"I'd like to introduce myself. I'm Maria, from english@home."
Or, "Let me introduce myself. I'm Maria from english@home."
The reply could be:
"Nice to meet you. I'm Peter Mitchell, from Mitchell Creations."
"Pleased to meet you. I'm Peter Mitchell, from Mitchell Creations."
"How do you do? I'm Peter Mitchell from Mitchell Creations."

Introducing other people


Introducing a friend to a work colleague

"Sarah, have you met my colleague John?"
"Sarah, I'd like you to meet my colleague John."
Sarah says:
"Pleased to meet you, John." Or "Nice to meet you, John."
John could say:
"Nice to meet you too, Sarah." Or "Hello, Sarah."
Introducing clients
"Mr Mitchell, I'd like to introduce you to my manager, Henry Lewis."
Mr Mitchell could then say:
"How do you do?" and Henry Lewis also says "How do you do?"
Or Mr Mitchell could say:
"Pleased to meet you." Or "Good to meet you."

Speaking Tip

"How do you do?" is quite formal for British English speakers and the reply to this question is to repeat the phrase, "How do you do?" (as strange as that may sound!)
At a more informal party
When you introduce two of your friends to each other, you can simply say, "John, this is Sarah."

วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

-*- อ่านเล่นๆๆ กันนะ


You're not wrong to love him.
And, it’s not also his wrong, if he doesn't love you back.
By the way, you're not wrong if you don't love him.
And not his wrong if he loves you.
Forbid heart from falling in love is hard to do.
But... It's not comparable with Forbid heart to forget love, because it's so hard to do.

คุณไม่ผิดที่ไปรักเขาคนนั้น
และเขาเองก็คงไม่ผิดที่ไม่ได้รักคุณ
ในทางตรงข้าม คุณไม่ผิดที่ไม่ได้รักเขาคนนั้น
และเขาก็ไม่ผิดที่มารักคุณเช่นกัน
การห้ามใจไม่ให้รักนั้นยากนัก
แต่คงเทียบไม่ได้กับการห้ามใจให้ลืมรักเพราะย่อมยากกว่า





It may take only a minute to like someone,
only an hour to have a crush on someone
and only a day to love someone
สิ่งดีดีรีบมาใกล้...ให้สมพร
but it will take a lifetime to forget someone.

มันอาจจะใช้เวลาเพียงชั่วนาทีที่จะชอบใครสักคน
เพียงชั่วโมงที่จะนึกรักใครสักคน
และเพียงชั่ววันที่จะรักใครสักคน
แต่มันจะใช้เวลาชั่วชีวิตของท่านที่จะลืมคนคนนั้น





Not strange if you see some of them have all day long with quarrel.
Not strange if you see some of them always sweet…
And not strange if some of them are cold and distant to each other.
And it’s normal if you see some of them have too much different love,
seeming the sky and the land.


ไม่แปลกที่บางคู่อาจทะเลาะกันทั้งวัน
ไม่แปลกที่บางคู่อาจหวานให้แก่กันได้ทั้งวัน
และไม่แปลกที่บางคู่ต่างเฉยชาต่อกัน
และก็คงไม่แปลกเลยที่บางคู่อาจต่างกันราวฟ้ากับดิน

มาอวยพรให้เพื่อนๆ วันคริสต์มาสและปีใหม่กันเถอะ -*-

มาเขียน card ปีใหม่กันเถอะ ^^


Greetings of the New Year. Wishing you all success in the next.
สวัสดีปีใหม่ขออวยพรให้ท่านจงประสบความสำเร็จในทุกๆสิ่งในปีใหม่นี้


A toast to the New Year. May all your resolutions become completed projects.
ดื่มอวยพรฉลองปีใหม่ ขออวยพรให้สิ่งที่ท่านตั้งใจไว้จงสมหวัง

Happy New Year! Thinking of you as we begin anew.
สวัสดีปีใหม่คิดถึงคุณในปีใหม่นี้


We wish you a holiday season that is filled with wonder and delight!
เราขออวยพรให้เทศกาลวันหยุดของคุณเติมเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และความเบิกบานใจ


A hope for one world family. From ours to yours.
ปรารถนาให้โลกมีสันติ สำหรับครอบครัวคุณ …จากเรา


One of my favorite gifts is hearing from you. Greetings of the season to you and yours.
ของขวัญลํ้าค่าคือการทราบข่าวคราวจากคุณเทศกาลแห่งอวยพรนี้จงเป็นของคุณและครอบครัว


Season’s greetings. Our best to you during the holidays.
เทศกาลส่งความสุขนี้ขอส่งความปรารถนาดีจากเราถึงคุณ


Happy holidays! Wishing you all the joys of the season. Happy holidays!
ขออวยพรให้คุณมีความปีติยินดีตลอดทั้งปี


HAPPY HOLIDAYS! Have a joyous Christmas and a festive New Year! Happy holidays!
ขอให้มีความปีติยินดีในวันคริสต์มาสและรื่นเริงในวันปีใหม่


Merry Christmas and Happy New Year. Hope the season finds you in good cheer.
Merry Christmas and Happy New Year
ขออวยพรให้ท่านได้พบแต่สิ่งที่ดีๆ


Christmas Greetings Wishing you a prosperous New Year! Christmas Greetings
ขออวยพรให้ท่านจงเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูตลอดปีใหม่


Season’s Greetings– May love and laughter fill your life at Christmas and throughout the New Year.
เทศกาลแห่งการอวยพร ขออวยพรให้ความรัก และเสียงหัวเราะเติมเต็มชีวิตของคุณ ในวันคริสต์มาสตลอดไปถึงวันปีใหม่


Christmas Cold weather and warm feelings
คริสต์มาสอากาศที่เหน็บหนาวและความรู้ที่อบอุ่น

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

TOEFL คือ ??

 



TOEFL ย่อมาจาก Test of English as a Foreign Language (TOEFL อ่านออกเสียงว่า โทเฟิล หรือ โทเฟล) เป็นการทดสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษตามมาตรฐานของภาษาอังกฤษอเมริกัน ซึ่งมีการออกแบบสำหรับใช้ในการประเมินความสามารถทางภาษาของผู้สมัคร เพื่อนำไปใช้เป็นเกณฑ์ในเรื่องของการศึกษาต่อ หรือทำงานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร โดยผลคะแนนโทเฟลจะใช้ได้เป็นระยะเวลา 2 ปี

โครงสร้างของข้อสอบ                                                                     ข้อ สอบ TOEFL iBT วัดความสามารถการใช้ภาษาใน 4 ทักษะคือ Reading, Listening, Writing, และ Speaking (ข้อสอบรูปแบบ iBT ยากกว่าข้อสอบเดิมมากหากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.7toefl.com
ข้อสอบ TOEFL iBT ได้เปลี่ยนไปจากข้อสอบ TOEFL CBT และ TOEFL PBT มาก มีการเพิ่มข้อสอบวัดทักษะในการพูดแบบเสนอผลงาน (presentation) และการทดสอบทักษะการใช้ภาษาหลายอย่างพร้อมกัน (integrated task) โดยมีรูปแบบของข้อสอบดังนี้
Reading เป็นการวัดความสามารถในการอ่าน
- 3 เรื่อง (39 ข้อ)
- 60 นาที
- คะแนน 0-30
- ข้อสอบ TOEFL ในส่วนการอ่านมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมน้อยมาก ได้นำโจทย์ประเภทสรุปใจความมาใช้เป็นครั้งแรก และให้คะแนนในบางข้อสูงถึง 3-5 คะแนน
Listening เป็นการวัดความสามารถในการฟัง
- ประกอบด้วยข้อสอบ 2 ประเภท (1) Academic Lecture 4 เรื่อง (24 ข้อ) และ (2)  Campus Conversation 2 เรื่อง (10 ข้อ)
- 60 นาที
- คะแนน 0-30
- มีการเปลี่ยนแปลงข้อสอบจากเดิมบ้าง เช่น บทสนทนาแบบสั้นถูกตัดออกทั้งหมด, มีการนำสำเนียงอื่นที่ไม่ใช้สำเนียง American มาทดสอบ, และการนำโจทย์ประเภทการสื่อความหมายมาทดสอบเป็นครั้งแรกด้วย
Writing เป็นการวัดความสามารถในการเขียน
- ประกอบด้วยข้อสอบ 2 ประเภท (1) Integrated Reading + Listening 1 ข้อ และ (2)  Independent 1 ข้อ
- 55 นาที
- คะแนน 0-30 โดยมีคะแนนดิบ (raw score) สำหรับแต่ละงานเขียนระหว่าง 1-5 คะแนน
- เพิ่มข้อสอบประเภท Integrate taskซึ่งยากสำหรับนักเรียนไทยที่ไม่ถนัดการเขียนในเชิงวิเคราะห์และต้องใช้ ทักษะในการอ่านและฟังเข้ารวมด้วย (หลักสูตรของ Kendall สามารถช่วยคุณได้อ่าน http://www.7toefl.com
Speaking เป็นการวัดความสามารถในการพูด
- ประกอบด้วยข้อสอบ 3 ประเภท (1) Independent 2 ข้อ (2)  Integrated Reading + Listening 2 ข้อ และ (3) Integrated Listening 2 ข้อ
- 20 นาที
- คะแนน 0-30 โดยมีคะแนนดิบ (raw score) สำหรับแต่ละการพูดระหว่าง 1-4 คะแนน
- ผู้ออกสอบได้กล่าวอ้างว่าข้อสอบ Speaking เป็นข้อสอบที่เป็นระบบใหม่แบบ “ยังไม่ถอดด้าม” (New! Everything) แต่หลายข้อมีความคล้ายคลึงกับข้อสอบ TSE (Test of Spoken English) ซึ่งสถาบัน Kendall จะนำมาประยุกต์ใช้ในหลักสูตร TOEFL iBT ของสถาบัน

เก้าอี้ยางพารา,,,สุดยอด !!! หัวคิดคนไทย





         ประเทศไทยมีสวนยางพารามากมายทั้งในภาคใต้และภาคตะวันออก ผู้ประกอบการส่วนมากส่งออกผลผลิตยางพาราในฐานะน้ำยางแผ่นแปรรูป แต่คุณนพชัย ภู่จิรเกษม ลูกหลานเจ้าของสวนยางจังหวัดตรังรายนี้กลับคิดต่างไป เขาเล็งเห็นช่องทางที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งความยืดหยุ่นขึ้นเอง เมื่อคุณนพชัยมาเรียนออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เขาเลือกวัสดุยางพาราขึ้นมาศึกษาเพราะเป็นสิ่งใกล้ตัวที่เขาคลุกคลีมาแต่เด็ก เขาวิจัยวัสดุตัวนี้อยู่ 3 ปี ซึ่งในระหว่างนั้นก็ได้รับรางวัลเรื่อยมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เขาได้รางวัล Innovation Award จากการออกแบบโดยใช้วัสดุชนิดนี้ และได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ  ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 ก็ได้รางวัลจากแมกกาซีน I – design มาในปีนี้เขาเพิ่งได้รับรางวัล Design Innovation Contest ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติอีกครั้งและปิดท้ายด้วยรางวัล Designer of the Year ของกรมศิลปากร

จุดเริ่มต้นของนวัตกรรมลูกยาง         คุณนพชัยเริ่มต้นทำงานนี้เพราะอยากให้คนทั่วไปเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการเพิ่มมูลค่าวัสดุที่มีอยู่ สำหรับงานเฟอร์-นิเจอร์ ลูกยางจากน้ำยางพารานี้ แนวคิดหลักของมันก็คือ “ความยืดหยุ่น” ในหลากหลายมิติ ไม่ใช่แค่ความยืดหยุ่นในตัววัสดุเพียงอย่างเดียว แต่รวมเอาความยืดหยุ่นของวิถีชีวิต และวิธีการแก้ปัญหาด้วยความยืดหยุ่นเข้าไปด้วยเขามองว่าในปัจจุบัน มนุษย์สร้างทรัพยากรใหม่ขึ้นไม่ได้แล้ว ดังนั้นจึงต้องสร้างวัสดุที่รักษาทรัพยากรที่มีอยู่ การตัดป่าเพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุไม้ถือเป็นความสูญเสียเพราะการปลูกป่าใหม่ย่อมไม่ทันต่อการตัดอยู่แล้ว ไม้เศรษฐกิจต้องใช้พลังงานในการแปรรูป ซึ่งก็เป็นการสูญเสียอีกต่อ ส่วนกรณีของน้ำยางพารา เราไม่ได้ตัดไม้แต่เรากรีดยางออกจากต้น ซึ่งถ้าต่อไปเราใช้วัสดุตัวนี้มากขึ้นๆ แล้วต้นยางมีไม่พอ สิ่งที่เกิดตามมาคือเราก็ต้องทำสวนยางเพิ่ม
กลายเป็นพื้นที่ป่าไม้ที่เพิ่มขึ้นไปในตัว ผมมองวัสดุนี้ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำครับ”


สิ่งที่ค้นหาและสิ่งที่ได้มาจากงานวิจัยคุณนพชัยเล่าให้ฟังต่อว่า ในช่วงที่ทำวิจัยน้ำยาง เขาค้นคว้าหาวิธีที่จะทำให้ยางคงรูปได้โดยไม่ใช้สารเคมี ซึ่งในที่สุดก็สำเร็จสามารถทำให้วัสดุยางคงทนได้ที่ 5 ปี ส่วนเรื่องสีหากใช้งานภายนอก ยางย่อมมีโอกาสซีดลง แต่ไม่เกิน 10 % โดยทั่วไปจะรับน้ำหนักได้ราว 100 กิโลกรัม (มากที่สุด 150 กิโลกรัม) และยังมีแบบพิเศษที่รองรับน้ำหนักได้ถึง 200กิโลกรัมด้วยส่วนถ้าจะเติมกลิ่นหอมก็สามารถทำได้

จากนวัตกรรมสู่งานออกแบบหลังจากฝังตัวเองอยู่กับงานวิจัยเพื่อพัฒนาให้วัสดุนี้มีความเสถียรเพียงพอในการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ คุณนพชัยก็เปิดตัวเฟอร์นิเจอร์ยางพาราขึ้นในปี ค.ศ. 2008 ภายใต้ชื่อ “ลูกยางดีไซน์” (www.lookyangdesign.com)
โดยคอลเล็กชั่นแรกของเขาคือ เก้าอี้ลูกยางที่ประยุกต์รูปทรงมาจากลูกยางจริงๆ และเก้าอี้รุ่น Spider, Webberและตอยาง ที่เน้นยางพาราเป็นตัวรับน้ำหนัก และให้ความยืดหยุ่นอยู่บนโครงสร้างสแตนเลสไม่นานเก้าอี้เหล่านี้ก็กลายเป็นดาวเด่นของวงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ทั้งในงานแสดงและตามหน้านิตยสาร



แนวคิดหลักของลูกยางดีไซน์        ด้วยแนวคิดหลักคือความยืดหยุ่น คุณนพชัยเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่แสดงและใช้ความยืดหยุ่นอย่างชัดเจน อาทิ เก้าอี้ ที่ขายความยืดหยุ่นเต็มที่ เมื่อนั่งแล้วสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสรีระของผู้นั่งหรือของแต่งบ้านอื่นๆที่สามารถยืดได้ในองศาที่อิสระ

สร้างแบรนด์ ลุยตลาด           คุณนพชัยยอมรับว่า ตนยังมีประสบการณ์ด้านการตลาดน้อย เพราะเดิมขลุกอยู่แต่กับงานวิจัยและออกแบบก็ต้องเรียนรู้กันไปครับ แต่โชคดีที่สินค้านี้ได้รับรางวัลต่างๆ มามาก รวมถึงมีความสะดุดตา ทั้งในด้านดีไซน์และการใช้วัสดุที่แปลกใหม่ ตอนนี้ผมมีกลุ่มลูกค้าอยู่แถวสแกนดิเนเวีย และกำลังขยายตลาดเพิ่มไปทางดูไบกับตุรกีด้วยผมจะเจาะตลาดที่มีลักษณะเฉพาะ (Niche market) ไม่ใช่ตลาดแมสครับเพราะจุดขายของเราชัดที่น้ำยางธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีในส่วนของการออกคอลเล็กชั่นใหม่และเพิ่มไลน์สินค้า คุณนพชัยบอกว่าตอนนี้เขาลุยเต็มที่ เพราะประสิทธิภาพของวัสดุยางพาราทำมาได้ถึงจุดที่น่าพอใจแล้ว เขาได้เตรียมออกแบบเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านชุดใหม่ไว้สำหรับปีหน้าเป็นที่เรียบร้อย รอแค่เข้าไลน์ผลิตจริงเท่านั้นวัสดุตัวนี้มีศักยภาพสูงมากสำหรับงานอีกหลายประเภท แต่ผมขอเริ่มต้นที่เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านก่อนครับคุณนพชัยกล่าวทิ้งท้ายไว้เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบและผูู้ประกอบการหัวก้าวหน้าท่านอื่นๆ





อ้างอิง : http://www.tcdcconnect.com/content/blog/?p=2550

วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

~ ภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิด/ Common Errors in English

~ ภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิด/ Common Errors in English

ABLE TO - ‘able to’ มีความหมายว่าสามารถ ซึ่งสามารถใช้ในประโยค Active Voice เท่านั้น ( ไม่สามารถใช้ในประโยค Passive Voice ได้ ) ดังนั้น ‘The budget shortfall was able to be solved by selling brownies.’ จึงเป็นประโยคที่ผิด

AD / ADD
- ‘Advertisement’ หมายถึงการโฆษณา เขียนย่อได้เป็น ‘ad’, ไม่ใช่ ‘add’

ADVICE / ADVISE
- ‘advice’ เป็นคำนาม หมายถึงคำแนะนำ ส่วน ‘advise’ เป็นคำกริยา หมายถึงให้คำแนะนำ ดังตัวอย่าง “When Harry advises(v) people, he gives them advice(n).”

AIN’T

- ‘ain’t’ มีความหมายเท่ากับคำว่า ‘is not’ , ‘are not’ , ‘am not’ แต่ไม่ควรใช้คำนี้ เพราะจะถูกมองว่าไร้การศึกษา(นะจ๊ะ)

ALL

- ‘all’ มีความหมายว่าทั้งหมด ซึ่งเราจะวาง‘all’ ไว้หน้านามที่เราต้องการขยาย แต่เราจะไม่ใช้ ‘all’ ในประโยคปฏิเสธ เช่น “All the pictures didn’t show her dimples” (ให้ตัด ‘all’ ออก)

ALREADY/ALL READY

- ทั้งสองคำนี้ มีความหมายต่างกัน : ‘all ready’ เป็นกลุ่มคำ หมายถึงเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ / แต่ ‘already’เป็นกริยาวิเศษณ์ (adverb) หมายถึงเกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว(ก่อนเวลาที่กำหนด)

ALL RIGHT/ALRIGHT
- สองคำนี้มีความหมายเหมือนกัน และสามารถใช้ได้ทั้งสองรูปแบบ แต่ในทางภาษาแล้ว การเขียนที่ถูกไวยากรณ์คือ ‘all right’

ALL TOGETHER / ALTOGETHER
- ทั้งสองคำนี้ มีความหมายต่างกัน : ‘all together’ เป็นคำกลุ่มคำ หมายถึง’อยู่ในกลุ่ม’ / ส่วน ‘altogether’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์ หมายถึง'อย่างสมบูรณ์'

AND ALSO

- ‘and also’ เป็นการใช้คำฟุ่มเฟือย ดังนั้น ควรเลือกใช้ระหว่าง ‘and’ หรือ ‘also’ เพียงคำใดคำหนึ่งเท่านั้น

ATM

- ‘ATM’ ย่อมาจากคำว่า Automated Teller Machine ดังนั้น จึงไม่ควรพูดว่า ‘ATM machine’ เพราะนั่นเท่ากับคุณพูดว่า ‘Automated Teller Machine machine’

AUTOBIOGRAPHY / BIOGRAPHY

- คำทั้งสองคำนี้ มีความหมายคล้ายกัน คือเป็นการเขียนประวัติส่วนตัว ต่างกันตรงที่ ถ้าคุณเขียน ‘autobiography’ นั่นหมายถึงคุณเขียนประวัติส่วนตัวของคุณเอง แต่ถ้าคุณเขียน ‘biography’ นั่นหมายถึงคุณเขียนประวัติส่วนตัวของผู้อื่น

AVOCATION / VOCATION

- ทั้งสองคำนี้มีความหมายต่างกัน : ‘avocation’ หมายถึง งานอดิเรก ( hobby ) / ส่วนคำว่า ‘vocation’ หมายถึงงานประจำ ( job )